ไหมอีรี่: นวัตกรรมและทางเลือกเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจของชุมชนอย่างยั่งยืน
Eri Silkworm: The Innovation and Alternative for Supporting the Community’s Sustainable Economy
ลักษณะเด่นของผลงาน
การวิจัยนี้เป็นการศึกษาไหมอีรี่อย่างครบวงจรเพื่อสร้างเสริมทางเลือก รายได้ และเศรษฐกิจของชุมชนอย่างยั่งยืน ด้วยการเลี้ยง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการสร้างนวัตกรรม ผนวกเข้ากับภูมิปัญญาในท้องถิ่น จากการเพาะเลี้ยงไหมบ้าน โดยการศึกษาวิจัย พบว่า สามารถใช้ใบมันสำปะหลัง ใบมันลาย โดยเก็บใบมันสำปะหลังจำนวนไม่เกิน 30% ของทั้งต้น ทำให้ผลผลิตหัวมันสำปะหลังลดลงเล็กน้อยหรือไม่ลดลงเลย แต่ได้ใบมันมาเลี้ยงไหมอีรี่ด้วย อีกทั้งได้คัดเลือกปรับปรุงพันธุ์ไหมอีรี่จนได้สายพันธุ์ (ecorace) ในส่วนการพัฒนาเพื่อผลิตเส้นไหมอีรี่นั้นได้สร้างเครื่องต้นแบบเพื่อสาวรังไหมอีรี่ (อนุสิทธิบัตรเลขที่ 2075) และได้พัฒนาต่อเนื่องเป็นทั้งเครื่องแบบสาวและสปันซิลค์ และได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอไหมอีรี่อย่างหลากหลาย จนสามารถจดทะเบียนมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) ได้ถึง 10 มาตรฐาน ขณะเดียวกันได้พัฒนาจนได้ผลิตภัณฑ์ OTOP ดาวรุ่ง ซึ่งเป็นอาหารแปรรูปจากไหมอีรี่ที่เป็นต้นแบบนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากไหมอีรี่ได้มากชนิด เช่น ด่วน มข., แซ่บ มข., ซาลาเปาไส้อีรี่, ซูชิ-อีรี่ หลากรสชาติ ฯลฯ ซึ่งได้ทรัพย์สินทางปัญญาด้านอาหารแล้ว 12 อนุสิทธิบัตร ตลอดจนสามารถใช้เป็นอาหารปลาสวยงามซึ่งมีราคาแพงได้ ส่วนการนำไหมอีรี่มาเพาะเลี้ยงถั่งเฉ้าเพื่อเพิ่มมูลค่าสูงนั้น กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยในเบื้องต้นประสบความสำเร็จทั้งถั่งเฉ้าสีทองและถั่งเฉ้าหิมะ ซึ่งจัดเป็นรายงานครั้งแรกของประเทศไทย ในการวิจัยเพื่อใช้ประโยชน์จากเศษเหลือทิ้งนั้น ได้วิธีการใช้มูลไหมอีรี่ในการควบคุมโรคเหี่ยวในมะเขือเทศ การใช้ประโยชน์จากน้ำต้มกาวไหมอีรี่เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง (จำนวน 4 อนุสิทธิบัตร) ตลอดจนได้นำน้ำต้มกาวไหมอีรี่ไปผลิตมวลชีวภาพเชื้อแบคทีเรีย Bacillus thuringiensis สำหรับกำจัดแมลงศัตรู และ B. subtilis สำหรับกำจัดโรคพืช รวมทั้งกำจัดเชื้อแบคทีเรียสาเหตุโรคของคน เป็นต้น
การนำไปใช้ประโยชน์หรือผลกระทบที่ได้รับจากการถ่ายทอด
สำหรับการนำไปใช้ประโยชน์ในการสร้างเสริมรายได้และสู่พาณิชย์นั้น ได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อบริการวิชาการแก่ชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การเกิดหมู่บ้านต้นแบบในการเพาะเลี้ยงและหมู่บ้านการผลิตผลิตภัณฑ์ไหมอีรี่ ในจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดขอนแก่น สามารถสร้างเสริมรายได้อย่างชัดเจน เช่น หมู่บ้านดงและหมู่บ้านขามป้อม ต.หนองแซง อ.บ้านแฮด, บ้านหินลาด อ.เมือง จ.ขอนแก่น เป็นต้น โดยเกษตรกรมีรายได้จากการขายดักแด้ รังไหม และเส้นไหม ส่วนหมู่บ้านหนองหญ้าปล้อง อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น มีการผลิตผลิตภัณฑ์สิ่งทอไหมอีรี่ (หัตถอุตสาหกรรม) จำหน่ายในเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรมตลอดปี ในส่วนผลิตภัณฑ์อาหารมีการจำหน่ายดักแด้ทอดกรอบในตลาดแมลงหลายแห่ง รวมทั้งตลาดนัด มข. (ศาลา 25 ปี) นอกจากนั้น มีผู้ประกอบการ (ภูฟาร์ม จ.กาฬสินธุ์) ซึ่งได้ต่อยอดผลิตหนอนและดักแด้ไหมอีรี่บรรจุกระป๋องจำหน่าย สำหรับอุตสาหกรรมโรงงานนั้น บริษัท สปันซิลค์เวิล์ด จรูญไหมไทย และขอนแก่นสาวไหม ได้มีการพัฒนาการผลิตเส้นไหมและผลิตภัณฑ์สิ่งทอไหมอีรี่ และรับซื้อรังไหมอีรี่จากเกษตรกรเพื่อการส่งออก ซึ่งมีความต้องการรังไหมอีรี่อย่างต่อเนื่องโดยไม่จำกัดปริมาณ ทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการเพาะเลี้ยงไหมอีรี่อย่างยั่งยืน
ในส่วนการเผยแพร่งานวิจัยไหมอีรี่ในวารสาร การประชุมวิชาการ การเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ การเป็นวิทยากร อีกทั้งร่วมเขียนตำราข้อมูลทางวิชาการ การจัดนิทรรศการวิชาการ การถ่ายทอดเทคโนโลยีโดยการฝึกอบรมและให้คำปรึกษาให้ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ การจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา การได้รับรางวัลจากการวิจัยและจัดนิทรรศการหลายรางวัล อาทิ รางวัลงานวิจัยเด่นจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ประจำปี 2555 ซึ่งผู้วิจัยเป็นหัวหน้าโครงการและผู้ร่วมวิจัยในชุดโครงการ การพัฒนาไหมอีรี่สู่อุตสาหกรรม รางวัลนักวิจัยดีเด่นด้านทรัพย์สินทางปัญญา ประจำปี 2553 (คณะเกษตรศาสตร์ มข.) รางวัลการนำเสนอผลการวิจัยทั้งระดับชาติและนานาชาติ รางวัลในการจัดนิทรรศการและถ่ายทอดเทคโนโลยีในงาน Regional Research Expo ครั้งที่ 1 (2013) และงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ (Thailand Research Expo 2013) (รางวัล “Bronze Award”) โดยสรุปผลงานวิจัยนี้เป็นพื้นฐานองค์ความรู้นำไปสู่การสร้างเสริมรายได้ให้แก่เกษตรกร จนเกิดหมู่บ้านต้นแบบไหมอีรี่เพื่อเป็นทางเลือกและสร้างเสริมความยั่งยืนของรายได้สู่ชุมชนได้อย่างดีอีกทางหนึ่ง
หนอนไหมอีรี่
อุตสาหกรรมโรงงาน(บ.Spunsilk World Ltd.)
หนอนไหมอีรี่รสโบราณ(ด่วน มข.) อนุสิทธิบัตร เลขที่ 2664
อาหารแปรรูปเพื่อสุขภาพ (ซาลาเปาอีรี่ถั่งเฉ้า)